‘บังกะโล’ ไม่มีแรงไปต่อ เมืองรีดภาษีที่ดิน 100% กระทบเป็นลูกโซ่ ขาดสภาพคล่อง คนว่างงานอื้อ
นางมาริสา สุหีบศพล หนุนซื่อสัตย์ภักดี นายกสัมพันธ์บังกะโลไทย (THA) เผยออกมาว่า การจัดเก็บภาษีที่ดินแล้วก็สิ่งก่อสร้าง 100% ก่อให้เกิดผลกระทบต่อภาคธุรกิจบังกะโลโดยรวมสูงถึง 93.6% เสียงสะท้อนกลับผู้ประกอบธุรกิจไม่มีแรงที่จะไปต่อ เหตุเพราะอัตราภาษีที่จัดเก็บสูงขึ้นมากยิ่งกว่ารายได้ในตอนนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 15.7% ซึ่งยังได้รับผลพวงจากวัววิด-19 พบเจอกับภาวการณ์ขาดทุนช้านาน จะต้องแบกภาระหนี้สินที่เกิดขึ้นจากวิกฤตวัววิดอีกขั้นต่ำ 2 ปีจวบจนกระทั่งเหตุการณ์ท่องเที่ยวจะเริ่มกลับไปสู่ภาวการณ์ธรรมดา
“ภาคธุรกิจโฮเต็ลและก็ภาคบริการได้รับผลพวงโดยตรงมากยิ่งกว่าหลายธุรกิจอื่น แม้รัฐบาลยังคิดอัตราการจ่ายภาษี 100% ประเมินตามค่าที่ดินและก็ทรัพย์สินโดยมิได้นำการขาดรายได้ของธุรกิจอพาร์เม้นท์มาร่วมไตร่ตรอง จะมีผลให้ภาษีที่ดินเปลี่ยนเป็นทุนก้อนใหญ่ของธุรกิจโฮเต็ล เพราะว่าอพาร์เม้นท์เป็นธุรกิจที่มีมูลค่าทรัพย์สินสูง แม้เทียบกับธุรกิจอื่น แล้วก็ยังมีภาระหน้าที่เงินลงทุนภาษีรวมทั้งค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจที่ยังจะต้องรับผิดชอบ เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีหักในที่จ่าย ค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจบังกะโล ฯลฯ”
นางมาริสากล่าวว่า สำหรับแนวทางผู้ประกอบธุรกิจสำหรับเพื่อการจัดการหรือปรับพฤติกรรม เมื่อภาครัฐจัดเก็บภาษีที่ดิน 100% จะต้องมีการควบคุมรวมทั้งลดทุนสำหรับการดำเนินธุรกิจลง ยกตัวอย่างเช่น ลดการว่าจ้าง ลดเงินลงทุนสำหรับการผลิต ทุ่นค่าใช้จ่ายอื่นๆที่ไม่มีความจำเป็น ไตร่ตรองปรับราคาเพิ่มขึ้นผลิตภัณฑ์/บริการให้ใส่รับกับทุนที่บางทีก็อาจจะมากขึ้น ปรับแผนสำหรับในการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น ชะลอการขยายธุรกิจการลงทุนในระยะสั้นไปก่อน บางทีก็อาจจะใคร่ครวญล้มเลิกกิจการหรือล้มเลิกกิจการชั่วครั้งชั่วคราวและก็ขายให้คนประเทศอื่น
ส่วนข้อเสนอแนะหนทางเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีที่ดินรวมทั้งสิ่งก่อสร้างเพื่อลดผลพวงต่อธุรกิจ ขอให้ขยายการผ่อนปรนภาษีไปอีก 1-2 ปีหรือกระทั่งเศรษฐกิจแล้วก็ธุรกิจจะเริ่มกลับมาฟื้นอีกรอบ ปรับแต่งข้อแม้สำหรับการจัดเก็บภาษี โดยพินิจอ้างอิงจากจำพวกธุรกิจ รวมทั้งรายได้ของธุรกิจมาคำนวณสำหรับในการจัดเก็บเพื่อความยุติธรรม ต้องการให้จัดเก็บเป็นแบบอย่างขั้นบันไดให้สอดคล้องกับการฟื้นฟูสภาพของเศรษฐกิจ อาทิเช่น ทยอยเก็บมากขึ้นปีละ 5-10% ออกแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการบังกะโลที่อยู่ในวงจรธุรกิจให้เช่าที่อยู่อาศัย ไม่สมควรจัดเก็บหรือกระทำการปรับขึ้นในสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้น ธุรกิจโฮเต็ลเป็นธุรกิจที่มีความหวั่นไหว กำเนิดปัจจัยภายนอกไม่สามารถที่จะสามารถควบคุมได้ ยกตัวอย่างเช่น โรคระบาด เหตุการณ์การบ้านการเมืองในประเทศ การสู้รบ ทำให้มีผลต่อการท่องเที่ยวเดินทางโดยตรง
นางมาริสากล่าวว่า อย่างไรก็ดีเหตุการณ์เศรษฐกิจ รายได้ยังฟื้นช้ากลับมาไม่อย่างเดิม แล้วก็ยังอยู่ในเหตุการณ์การเสี่ยงแล้วก็ความไม่เที่ยง แม้กระนั้นแม้ว่ากระทรวงการคลัง ยังคงรับรองไม่ลดภาษีที่ดิน ผู้ประกอบธุรกิจได้รับผลพวงสำหรับการประกอบธุรกิจ รายได้น้อยเกินไป ปราศจากความพร้อมที่จะจ่ายภาษี แล้วก็ก่อให้เกิดผลเสียธุรกิจเป็นลูกโซ่ ขาดสภาพคล่อง มีต้นทุนสำหรับการดำเนินธุรกิจมากขึ้น ซึ่งจะมีผลต่อการจ้างแรงงานและก็ทุนอื่นๆอีกด้วย
โดยเหตุนั้นทางสัมพันธ์เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ไทย ขอให้รัฐบาลทราบถึงความทุกข์ร้อนแล้วก็ไตร่ตรองหลักเกณฑ์การจัดเก็บภาษีสำหรับธุรกิจโฮเต็ลเป็นการเฉพาะ “อีกที” โดยขอผ่อนผันและก็ขยายเวลาการจัดเก็บออกไปอย่างต่ำ 2 ปี เพื่อประเมินเหตุการณ์ของเชื้อไวรัสวัววิดรวมทั้งการฟื้นฟูสภาพของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอีกที ซึ่งจะมีผลให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถทะนุถนอมธุรกิจมีการว่าจ้างแล้วก็ดำเนินธุรกิจถัดไปได้โดยตลอด
Share post:
‘บังกะโล’ ไม่มีแรงไปต่อ เมืองรีดภาษีที่ดิน 100% กระทบเป็นลูกโซ่ ขาดสภาพคล่อง คนว่างงานอื้อ
นางมาริสา สุหีบศพล หนุนซื่อสัตย์ภักดี นายกสัมพันธ์บังกะโลไทย (THA) เผยออกมาว่า การจัดเก็บภาษีที่ดินแล้วก็สิ่งก่อสร้าง 100% ก่อให้เกิดผลกระทบต่อภาคธุรกิจบังกะโลโดยรวมสูงถึง 93.6% เสียงสะท้อนกลับผู้ประกอบธุรกิจไม่มีแรงที่จะไปต่อ เหตุเพราะอัตราภาษีที่จัดเก็บสูงขึ้นมากยิ่งกว่ารายได้ในตอนนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 15.7% ซึ่งยังได้รับผลพวงจากวัววิด-19 พบเจอกับภาวการณ์ขาดทุนช้านาน จะต้องแบกภาระหนี้สินที่เกิดขึ้นจากวิกฤตวัววิดอีกขั้นต่ำ 2 ปีจวบจนกระทั่งเหตุการณ์ท่องเที่ยวจะเริ่มกลับไปสู่ภาวการณ์ธรรมดา
“ภาคธุรกิจโฮเต็ลและก็ภาคบริการได้รับผลพวงโดยตรงมากยิ่งกว่าหลายธุรกิจอื่น แม้รัฐบาลยังคิดอัตราการจ่ายภาษี 100% ประเมินตามค่าที่ดินและก็ทรัพย์สินโดยมิได้นำการขาดรายได้ของธุรกิจอพาร์เม้นท์มาร่วมไตร่ตรอง จะมีผลให้ภาษีที่ดินเปลี่ยนเป็นทุนก้อนใหญ่ของธุรกิจโฮเต็ล เพราะว่าอพาร์เม้นท์เป็นธุรกิจที่มีมูลค่าทรัพย์สินสูง แม้เทียบกับธุรกิจอื่น แล้วก็ยังมีภาระหน้าที่เงินลงทุนภาษีรวมทั้งค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจที่ยังจะต้องรับผิดชอบ เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีหักในที่จ่าย ค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจบังกะโล ฯลฯ”
นางมาริสากล่าวว่า สำหรับแนวทางผู้ประกอบธุรกิจสำหรับเพื่อการจัดการหรือปรับพฤติกรรม เมื่อภาครัฐจัดเก็บภาษีที่ดิน 100% จะต้องมีการควบคุมรวมทั้งลดทุนสำหรับการดำเนินธุรกิจลง ยกตัวอย่างเช่น ลดการว่าจ้าง ลดเงินลงทุนสำหรับการผลิต ทุ่นค่าใช้จ่ายอื่นๆที่ไม่มีความจำเป็น ไตร่ตรองปรับราคาเพิ่มขึ้นผลิตภัณฑ์/บริการให้ใส่รับกับทุนที่บางทีก็อาจจะมากขึ้น ปรับแผนสำหรับในการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น ชะลอการขยายธุรกิจการลงทุนในระยะสั้นไปก่อน บางทีก็อาจจะใคร่ครวญล้มเลิกกิจการหรือล้มเลิกกิจการชั่วครั้งชั่วคราวและก็ขายให้คนประเทศอื่น
ส่วนข้อเสนอแนะหนทางเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีที่ดินรวมทั้งสิ่งก่อสร้างเพื่อลดผลพวงต่อธุรกิจ ขอให้ขยายการผ่อนปรนภาษีไปอีก 1-2 ปีหรือกระทั่งเศรษฐกิจแล้วก็ธุรกิจจะเริ่มกลับมาฟื้นอีกรอบ ปรับแต่งข้อแม้สำหรับการจัดเก็บภาษี โดยพินิจอ้างอิงจากจำพวกธุรกิจ รวมทั้งรายได้ของธุรกิจมาคำนวณสำหรับในการจัดเก็บเพื่อความยุติธรรม ต้องการให้จัดเก็บเป็นแบบอย่างขั้นบันไดให้สอดคล้องกับการฟื้นฟูสภาพของเศรษฐกิจ อาทิเช่น ทยอยเก็บมากขึ้นปีละ 5-10% ออกแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการบังกะโลที่อยู่ในวงจรธุรกิจให้เช่าที่อยู่อาศัย ไม่สมควรจัดเก็บหรือกระทำการปรับขึ้นในสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้น ธุรกิจโฮเต็ลเป็นธุรกิจที่มีความหวั่นไหว กำเนิดปัจจัยภายนอกไม่สามารถที่จะสามารถควบคุมได้ ยกตัวอย่างเช่น โรคระบาด เหตุการณ์การบ้านการเมืองในประเทศ การสู้รบ ทำให้มีผลต่อการท่องเที่ยวเดินทางโดยตรง
นางมาริสากล่าวว่า อย่างไรก็ดีเหตุการณ์เศรษฐกิจ รายได้ยังฟื้นช้ากลับมาไม่อย่างเดิม แล้วก็ยังอยู่ในเหตุการณ์การเสี่ยงแล้วก็ความไม่เที่ยง แม้กระนั้นแม้ว่ากระทรวงการคลัง ยังคงรับรองไม่ลดภาษีที่ดิน ผู้ประกอบธุรกิจได้รับผลพวงสำหรับการประกอบธุรกิจ รายได้น้อยเกินไป ปราศจากความพร้อมที่จะจ่ายภาษี แล้วก็ก่อให้เกิดผลเสียธุรกิจเป็นลูกโซ่ ขาดสภาพคล่อง มีต้นทุนสำหรับการดำเนินธุรกิจมากขึ้น ซึ่งจะมีผลต่อการจ้างแรงงานและก็ทุนอื่นๆอีกด้วย
โดยเหตุนั้นทางสัมพันธ์เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ไทย ขอให้รัฐบาลทราบถึงความทุกข์ร้อนแล้วก็ไตร่ตรองหลักเกณฑ์การจัดเก็บภาษีสำหรับธุรกิจโฮเต็ลเป็นการเฉพาะ “อีกที” โดยขอผ่อนผันและก็ขยายเวลาการจัดเก็บออกไปอย่างต่ำ 2 ปี เพื่อประเมินเหตุการณ์ของเชื้อไวรัสวัววิดรวมทั้งการฟื้นฟูสภาพของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอีกที ซึ่งจะมีผลให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถทะนุถนอมธุรกิจมีการว่าจ้างแล้วก็ดำเนินธุรกิจถัดไปได้โดยตลอด